การเรียนคณิตศาสตร์สำหรับน้องๆระดับอนุบาลหรือชั้นประถมศึกษาหลังจากที่เรียนรู้การนับและรู้จักกับตัวเลขที่แทนจำนวนแล้ว ก็จะเริ่มศึกษาเรื่องการบวก เริ่มจากตัวเลขง่ายๆที่มีเพียงแค่หลักเดียวเช่น 8+1 หรือ 2+3 โดยเป็นการคำนวณแบบที่ไม่มีการทด ซึ่งโดยทั่วไปผู้เรียนไม่ค่อยจะมีปัญหาเพราะสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก
 |
| โจทย์การบวกเลขแบบง่ายๆสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษา |
เมื่อเข้าใจพื้นฐานการบวกดีแล้วแล้ว ก็จะค่อยๆเรียนการบวกเลขที่มีความยากเพิ่มขึ้น คือตัวเลขที่นำมาบวกกันมีจำนวนหลักมากขึ้น เช่น 37+9 ซึ่งโจทย์แบบนี้ผู้เรียนยังสามารถที่จะนับจำนวน (นับนิ้ว) ต่อไปได้เพราะจำนวนที่บวกกันยังมีค่าไม่สูงมาก โดยนับต่อจากจำนวน 37 ไปอีก 9 ครั้งก็สามารถหาคำตอบได้ไม่ยาก
 |
| โจทย์การบวกที่ต้องมีการทดแต่ไม่ได้เขียนค่าที่ทดไว้ |
แต่ถ้าโจทย์เป็นดังต่อไปนี้ ผู้เรียนหลายคนเริ่มมีปัญหา เพราะตัวเลขมีค่ามากเกินกว่าที่จะนับนิ้ว จึงต้องใช้การบวกเลขในแต่ละหลัก และมักจะลืมทด เช่น โจทย์ 895+56 ถ้าจะนับต่อจาก 895 ไปอีก 56 ก็คงไม่เหมาะสมและเสียเวลามากและสุดท้ายก็อาจจะนับผิดไปเสียอีก
 |
| โจทย์การบวกที่มีจำนวนหลักมากขึ้น ไม่เหมาะสมที่จะคำนวณโดยใช้การนับจำนวน |
เมื่อผู้เรียนต้องทำการบวกในแต่ละหลัก ก็จะเริ่มจากการคำนวณค่าในหลักหน่วยคือ 5 + 6 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 11 แต่สามารถใส่ค่าในคำตอบได้เพียงค่าเดียวคือ 1 แล้วทดอีก 1 ไปหลักถัดไป เมื่อต้องคำนวณในหลักถัดไปคือหลักสิบก็จะต้องคำนวณ 9 + 5 ซึ่งได้เท่ากับ 14 แต่ต้องอย่าลืมว่ามีการทดมาจากการคำนวณก่อนหน้านั้นอีก 1 จึงต้องนำการทดไปรวมด้วย โดยได้ผลรวมเท่ากับ 15 จึงเขียนเฉพาะ 5 ในหลักสิบและทด 1 ไปหลักร้อยต่อไป เมื่อต้องคำนวณค่าในหลักร้อยก็ต้องนำ 8 มารวมกับ 1 ที่ทดมา จึงได้ผลลัพธ์เป็น 9
ขั้นตอนการคำนวณแบบนี้สร้างความสับสนให้ผู้เริ่มต้นพอสมควร ดังนั้นจึงควรจะสอนให้ผู้เรียนเห็นภาพทั้งหมดว่ามีการทดในหลักไหนบ้าง ลองเปรียบเทียบโจทย์เดียวกัน แต่รูปข้างล่างเขียนการทดให้เห็นชัดเจน
 |
| โจทย์การบวกในเกม Math: Unknown แสดงการทดให้เห็นอย่างชัดเจน |
เมื่อผู้เรียนเห็นการทดเลขที่วางค่าที่ทดถูกต้องตามหลักแล้วก็สามารถคำนวณได้อย่างง่ายดาย ลดความผิดพลาดไปได้มาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น